ช่วงเวลานี้อยากเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านเหตุการณ์ที่ยากลำบากในเวลานี้ไปได้ด้วยดี และ หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้โดยไว
สถานการณ์ที่โรค Covid-19 ระบาดจนทางการออกมาตรการปิดสถานประกอบการหลายต่อหลายแห่ง กระทบการทำงาน และ การดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน หลายคนอาจจะเริ่มเห็นสัญญาณ ทางการเงินของตนเองที่เริ่มจะเกิดปัญหา หลายคนก็มีปัญหาด้านรายได้แล้ว ครั้งนี้จึงอยากจะบอกว่ามีช่องทางด้านการเงินอะไรบ้างที่พอจะช่วยประคองเราให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
ในส่วนของเรื่องการเงิน สำหรับคนที่มีการวางแผนการเงินมาอย่างดี ก็น่าจะมีการออมเงินในรูปแบบต่างๆ ไว้ ทั้งตั้งใจและโดนบังคับให้ออม วันนี้จะมาบอกว่า มีเงินสำรองส่วนใดบ้างที่พอจะช่วยให้ผ่านช่วงเวลาขัดสนทางการเงินนี้ไปได้บ้าง
- เงินสำรองฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเงินสภาพคล่อง 3 – 6 เดือน จะเป็นเงินสำรองที่ผู้ที่วางแผนการเงินอย่างดีจากการที่คิดเก็บเงินเองหรือ มีนักวางแผนการเงินช่วยแนะนำ ปกติเงินส่วนนี้ควรจะมีสำหรับพอใช้ 3-6 เดือน สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีการเก็บเงินส่วนนี้ไว้ ถ้าหากผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ก็อยากให้มองเห็นความสำคัญและเริ่มเก็บเงินสำรองฉุกเฉินนี้ไว้ เพราะจะช่วยได้เป็นอย่างมากในอนาคต
- เงินฝากประจำแบบ 24 เดือนปลอดภาษี หรือ เงินฝากประจำ หรือ เงินออมที่เก็บแบบรายเดือน เงินส่วนนี้ก็เป็นเงินที่น่าจะมีสำหรับคนที่วางแผนการเงินเป็นอย่างดี คือมีการกันเงินส่วนหนึ่งเพื่อออมในช่วงที่ผ่านมา หากท่านใดมีเงินส่วนนี้ ก็สามารถนำมาใช้ได้ยามจำเป็น แม้จะไม่ได้ดอกเบี้ยครบกำหนด แต่ก็ยังดีที่ได้เงินก้อนออกมาใช้จ่ายได้
- การจัดการกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มี หลายท่านเมื่อเหตุการณ์ปกติมีการทำประกันชีวิตไว้หลายฉบับ ปกติประกันชีวิตทั้งแบบคุ้มครองและแบบออมทรัพย์ ถ้าจะให้ได้ประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุด ควรถือไปจนครบอายุสัญญา แต่ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินด้านการเงินแบบนี้ อาจจะต้องพิจารณา
- กู้เงินจากกรมธรรม์ที่มีอยู่ จะใช้ได้กรณีที่มีการส่งประกันมาแล้วระยะหนึ่งและมีมูลค่าเงินสดที่สามารถกู้ได้ ข้อดีคือ ความคุ้มครองทุกอย่างยังคงเดิม เมื่อกู้เงินออกมาดอกเบี้ยจะไม่สูงมากเพราะเป็นการกู้เงินออมของตนเอง
- ปรับลดความคุ้มครองบางรายการ โดยเฉพาะเบี้ยหลักที่เป็นออมทรัพย์ ส่วนความคุ้มครองด้านสุขภาพหากจะลด ประเด็นนี้จะต้องพิจารณาดีๆ เพราะการลดความคุ้มครองจะทำให้เบี้ยประกันที่จ่ายลดลงแต่ หากเกิดเหตุก็อาจจะได้ความคุ้มครองที่ไม่เพียงพอ
- อาจพิจารณเวณคืนกรมธรรม์ กรณีที่ไม่มีรายได้แล้ว การส่งเงินประกันก็จะเป็นภาระ ในบางครั้งหากจำเป็นจริงๆ การเวณคืนกรมธรรม์ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งจะช่วย ลดรายจ่ายเบี้ยประกันลงทันที และ ได้รับเงินค่าเวณคืนกรมธรรม์ แต่วิธีนี้เป็นทางเลือกสุดท้าย
- เงินลงทุนในที่ต่างๆ อาจจะลองตรวจเช็คดูกับบัญชีธนาคาร กองทุน หุ้น ที่เคยไปลงทุนว่ามีที่ใดบ้าง อาจจะพบว่ามีเงินลงทุนค้างอยู่ในที่ใดก็ได้ ถือเป็นการทบทวนบัญชีการลงทุนไปในตัว
- ขายทรัพย์สินเทียมออกไป หลายคนที่ชอบซื้อสิ่งของเก็บไว้เพราะคิดว่าเป็นทรัพย์สินนั้น อาจจะเข้าใจผิดมาตลอด เพราะ ทรัพย์สินที่แท้จริงคือ สิ่งที่จะสร้างเงินให้กับเราตลอดเวลา ส่วนทรัพย์สินเทียมนั้นจะดูดเงินเราออกไปตลอดเวลา โดยจะสร้างเงินให้เราก็คือตอนขายทิ้งไป ตัวอย่างทรัพย์สินเทียม เช่น รถยนต์ที่เกินความจำเป็น นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม ของสะสม สิ่งเหล่านี้เราจะต้องเสียเงินบำรุงรักษา หรือ เก็บไว้เฉยๆ เพื่อโชว์ เมื่อถึงวันที่จำเป็นอย่างนี้อาจจะได้เวลาเคลียทรัพย์สินเทียมออกไปซะที
- เงินชดเชยการว่างงาน ประกันสังคม มาตรา 33 หากทำงานบริษัทและตกงาน สามารถลงทะเบียนรับเงินชดเชยการว่างงาน โดยจำนวนเงินและระยะเวลาที่จะได้เงินชดเชยขึ้นอยู่กับ ออกเอง ถูกพักงาน หรือ ถูกเลิกจ้าง แต่จะได้ประมาณ 4,500 – 11,250 บาท ระยะเวลา 3-6เดือนแล้วแต่กรณี
- มาตรการทางการเงินของสถาบันการเงินที่ออกมาช่วยเหลือ เช่น การช่วยลดค่าผ่อนชำระของธนาคาร บัตรเครดิต การปรับโครงสร้างหนี้ เรื่องหนี้สินหากไม่ไหวสามารถคุยกับเจ้าหนี้เพื่อปรับ จำนวนเงินผ่อน หรือ ยืดระยะเวลาได้ จำไว้ว่าเจ้าหนี้พร้อมจะคุยและช่วยลูกหนี้เพราะถ้าลูกหนี้ทยอยผ่อนไปได้สุดท้ายเจ้าหนี้ก็ได้เงินคืน ดีกว่าลูกค้าไม่ไหวแล้วหนีไปเลยซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องวุ่นวายเรื่องคดีความกับภายหลัง
- มาตรการภาครัฐที่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายหรือแจกเงิน เช่น ทำเรื่องคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้า รัฐแจกเงิน 5,000 บาท 3เดือน (สำหรับอาชีพอิสระ) และมาตรการอื่นๆ ถ้าเราไม่ปล่อยประละเลยและเข้าไปลงทะเบียนก็จะได้เงินส่วนนี้มาช่วยเหลือ
ส่วนมาตรการอื่นๆ ก็น่าจะยังมีออกมาอีกเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบ ระหว่างนี้ก็อาจจะต้องหาทางหารายได้เพิ่ม ลดค่าใช้จ่าย และเมื่อผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ก็หวังว่าครั้งนี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้ทุกท่านวางแผนการเงินได้ดีขึ้น เพราะความไม่แน่นอนนั้นจะมาอีกอย่างแน่นอนในอนาคต เราจะสู้ไปด้วยกันครับ